เลือกซื้ออย่างไหนดี ระหว่าง Smart TV กับ Android Box

ยุคปัจจุบันเทคโนโลยีที่ช่วยสร้างความบันเทิงภายในบ้านก็มีให้เลือกกันแบบหลากหลายมากมาย จนแทบจะปั้มเงินซื้อตามไม่ทันกันเลยทีเดียว หนึ่งในนั้นก็คือทีวีนั้นเอง ซึ่งทีวีเองก็เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องมีใช้ในบ้านอย่างน้อย 1 เครื่อง ดังนั้นบทความนี้จะช่วยให้คุณเลือกซื้อทีวี ให้เข้ากับรูปแบบการใช้งานของคุณ เพื่อจะได้ไม่เสียอารมณ์ในภายหลัง และเพื่อจะให้เป็นการเข้าใจง่าย จึงขอเปรียบเทียบแบบจุดเด่น/จุดด้อย มาให้ชมละกัน โดยเป็นความเห็นจากการใช้งานจริง ซึ่งทั้งนี้ก็ขึ้นกับตามรุ่น และราคาที่ใกล้เคียงกันอีกทีหนึ่งด้วย โดยสิ่งแรกที่จะต้องทำความเข้าใจกันก่อนคือ Smart TV ในแต่ละยี่ห้อ ส่วนใหญ่จะพัฒนาระบบปฏิบัติการเฉพาะขึ้นมาใช้เอง ดังนั้น Smart TV จึงแตกต่างกับ Android Box หรือ Android TV ที่ใช้ ระบบปฏิบัติการ Android นะจ๊ะ อย่าสับสน แต่ก็ยกเว้น  Smart TV ในบางรุ่นที่ใช้ระบบ Android มาเป็นจุดขาย ราคาก็แพงขึ้นตามสเปคที่ใส่ให้ ตรงนี้ควรสอบถามผู้จำหน่ายให้ดีว่าเป็นระบบไหน มาเริ่มกันเลยดีกว่า

Smart TV / Android TV (สมาร์ท ทีวี / แอนดรอย์ ทีวี)

จุดเด่น

• ซื้อครั้งเดียวจบ ไม่เปลืองเงินหลายต่อ เฉพาะฟังก์ชั่นการใช้งานในตัวทีวีเป็นหลัก ดูคลิป เข้าเว็บได้เลย
• ติดตั้งง่าย/ใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน หลักๆก็เสียบปลั๊กไฟ กับสายอากาศเข้า ถ้ามีอุปกรณ์เพิ่มก็ ต่อ HDMI,  สาย LAN แถมเวลาเปิดเครื่องครั้งแรก ก็จะเข้าหน้าช่วยตั้งค่า พร้อมคำอธิบายให้เลย
• เทคโนโลยีภาพเหนือชั้น ถือว่าเป็นจุดขายใน ทีวีแต่ละรุ่นเลย เช่น จอ Full HD, 4K, จอแบบ OLED, ชิปประมวลผลภาพรุ่นใหม่, ฯลฯ
• ไม่เปลืองรูปลั๊กไฟ บางท่านมี เครื่องเสียง มีเครื่องเล่นหนัง ฯลฯ บางบ้านปลั๊ก 6 รูยังไม่พอเลย ต้องซื้อปลั๊กใหม่ มาพ่วงเพิ่ม
• คนเถ้าคนแก่ สว.ทั้งหลาย ที่ไม่ถนัดเทคโนโลยี จะเหมาะมาก เพราะใช้รีโมทอันเดียวก็ดูทีวีได้แล้ว (แต่ปุ่มจะเยอะหน่อย ต้องหาทางแก้กันไป เพราะสว.บางท่านก็มีลืมๆบ้าง เช่น เอาสติกเกอร์มาแปะเฉพาะปุ่มที่ต้องใช้)
• บางรุ่นมีตัวถอดสัญญาณดิจิตอลทีวีมาให้ในตัว (DVB-T2)

จุดด้อย

• ใช้งานได้ทั่วๆไปเท่านั้น เนื่องจาก สเปคเครื่องต่ำ (ขึ้นกับราคาและรุ่นที่ใช้) เพราะต้นทุนด้านจอภาพก็สูงอยู่แล้ว การจะใส่สเปค CPU แรม พื้นที่เก็บข้อมูล เข้าไปอีก เป็นต้นทุนที่ผู้ผลิตนำมาพิจารณา หาใส่สเปคสูงไป ก็จะส่งผลถีงราคาที่สูงจนผู้บริโภคซื้อได้ยาก (ยกเว้นรุ่นลิมิตเต็ดที่ทำมาเฉพาะ) ซึ่งก็ทำให้ปัญหาต่างๆก็ตามมาเช่น แรมไม่พอ, ทำงานช้า, ติดตั้งแอพได้จำกัด พื้นที่ความจุเต็ม ฯลฯ ที่เจอกับตัวเลยก็คือ เปิดแอพ Youtube แล้วเล่น คลิป 4K เพื่อสัมผัสความคม ดูไปได้ 2 คลิป ปรากฏว่า แรมเต็ม แอพปิดตัวเอง เอิบ กำลังดูเพลินๆเสียรมณ์มาก
• แอพมีให้เลือกใช้งานน้อย เป็นแอพทั่วๆไปที่นิยมใช้งานกัน เช่น Youtube, Plex player, Netflix, Iflix และนานๆจะอัพเดตสักครั้ง ทำให้มีความเข้ากันได้ต่างๆจำกัดตามมาด้วย เช่น แอพเปิดเว็บไม่รองรับ Flash รุ่นใหม่ๆ ทำให้เปิดดูบางเว็บไม่ได้, การประยุกต์การใช้งานจำกัด ฯลฯ บางครั้งอัพเดตมา ก็บัคเพียบ กว่าจะอัพเดตอีกรอบก็ต้องทนใช้กันไป
• ใช้แอพใหม่ๆ มีปัญหา เพราะสเปคต่ำ สังเกตจาก แอพ Youtube ที่เพิ่งอัพเดตไป ดูคลิปคอนเสิร์ตปกติ ไม่ได้โหมด 4K อะไรเลย ดูไปสักพักแรมกลับเต็ม งง มาก
• อยากอัพเกรดต้องซื้อทีวีใหม่เลยนะจ๊ะ แบบ ดูหนังเพลินๆ แรมเต็ม อยากเพิ่มแรม ทำไม่ได้นะ ต้องซื้อทีวีใหม่ที่แพงขึ้นสถานเดียว เช่นเดียวกับ พื้นที่เก็บข้อมูล (ROM) แอพที่เราติดตั้ง แม้กระทั่งตัวระบบ ปฏิบัติการ ในทุกครั้งที่มีเวอร์ชั่นใหม่ๆ เมื่อเราอัพเดตก็จะใช้พื้นที่เยอะขึ้น เมื่อเราใช้พืี้นที่จัดเก็บข้อมูลไปเรื่อยๆจนเต็ม ทีวีก็จะเริ่มรวน และแจ้งเตือนว่าพืี้นที่จัดเก็บข้อมูลเต็มให้หงุดหงิดใจ ท้ายสุดก็ต้องไล่ลบ เหลือไว้แค่เฉพาะแอพที่ใช้งานจริงๆเท่านั้น แต่ก็ยังออกอาการอยู่ดี ซึ่งสมาร์ททีวีไม่ระบุสเปคพวกนี้ให้ทราบแต่แรก ต้องเช็คกับทางโรงงานด้วยตัวเองเท่านั้น

Android Box (กล่องแอนดรอย์)

จุดเด่น

• ใช้กับทีวีเครื่องเก่าที่ท่านมีอยู่แล้วได้เลย เพราะบางท่านอาจมี TV จอแบน แบบ LCD อยู่แล้ว และยังใช้งานได้ปกติ ก็ซื้อเฉพาะ Android Box ราคา 2000 นี่ก็ ครอบคลุมการใช้งานทั่วไปได้แล้ว หากใช้งานไปแล้วเริ่มคล่อง ก็สามารถซื้อกล่องรุ่นใหม่ที่ดีกว่า แล้วใช้กับทีวีเครื่องเดิมก็ไม่มีปัญหา
• สเปคแรงกว่า รองรับการใช้งานหลากหลาย เช่น มีตัวถอดรหัส DTS, 4K, ฯลฯ แรมเยอะกว่า แนะนำให้ซื้อตัวที่มีแรม 2 GB ขึ้นไป
• ประยุกต์ใช้งานได้หลากหลาย ด้วยระบบ Android ทำให้มีแอพให้เลือกใช้งานมากมาย โดยโหลดได้จาก Google Play Store ทำให้มีความเข้ากันได้กับเทคโนโลยีใหม่ๆสูง, และการใช้งานยืดหยุ่นมาก จากแอพที่มีให้เลือกใช้เยอะ เช่น โหลดแอพทำเอกสารมา ต่อแป้นพิมพ์ เมาส์ ท่านก็สามารถทำรายงานหน้าทีวีได้เลย, สายเล่นเกม ก็สามารถต่อจอยบูลทูธ เล่น ROV ผ่านจอทีวีใหญ่ ได้แบบสะใจ
• ไม่มีปัญหาเรื่องอัพเดตเท่าไหร ยิ่งถ้าเป็นแอพยอดนิยมนี่อัพเดตถี่มาก ทำให้ปัญหาเรื่องความเข้ากันได้ต่างๆ แทบไม่มี หากมีก็น้อยมาก เช่น เวลาท่องเว็บก็จะรองรับ Flash player เวอร์ชั่นใหม่ เข้าเว็บได้ทุกเว็บ แบบไม่มีปัญหาใดๆ
• พื้นที่เก็บข้อมูลเยอะกว่า แถมบางรุ่นสามารถเพิ่มความจุ SD Card และติดตั้งแอพลงในนั้นได้อีกด้วย หรือในรุ่นดีๆ ยี่ห้อแพงๆหน่อย ก็สามารถต่อ ฮาร์ดดิส ผ่านช่อง USB ได้เลย ทำให้ประยุกต์ใช้งานได้อีกหลากหลาย อาธิเช่น ในนั้นอาจท่านอาจเก็บ Movie, ซี่รีย์, สารคดี, ฯลฯ ทำเป็น Media Center มุมโปรดประจำบ้าน, หรือ เชื่อมต่อกับกล้องวงจรปิดทำระบบรักษาความปลอดภัยในบ้าน แล้วบันทึกเป็นวิดีโอเก็บไว้ ล้ำมาก
• อัพเกรดได้ ในยี่ห้อดีๆหน่อย ก็มี firmware ให้อัพเวอร์ชั่น Android เพื่อ รองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้ใช้งานที่ดีขึ้น

จุดด้อย

• ใช้งานยากกว่า ซับซ้อน ต้องศึกษากันหน่อย โดยเฉพาะเวลาโหลดแอพใหม่ๆมาใช้งาน ก็ต้องมานั่งศึกษากันที ว่ามันใช้งานยังไง ก็ต้องอาศัยความรู้ ศึกษาเพิ่มกันเอา ถึงจะใช้งานให้คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป ไม่เหมาะกับคนที่ไม่ถนัดเทคโนโลยีเลย โดยเฉพาะบรรดา คนเถ้าคนแก่ สว.ทั้งหลาย นี่ไปไม่เป็นเอาได้ เช่น ชอบไปหยิบเอารีโมททีวีมากดประจำ แล้วบอกทีวีเสียบ้าง รีโมทเสียกดไม่ไปบ้าง 555+ ต้องเอารีโมทไปเก็บ (ก็ยังใช้ยากอยู่ดี เพราะปุ่มอะไรต่างๆเยอะกว่า)
• คุณภาพของภาพอาจสู้รุ่นใหม่ไม่ได้ หรือใช้ประสิทธิภาพของกล่องไม่เต็มที่ (กรณีใช้ทีวีเครื่องเก่า แต่กล่องแอนดรอย์ รองรับ 4K) หากจะซื้อทีวีใหม่ด้วย โดยตั้งงบไว้เท่ากัน ก็เท่ากับต้องซื้อสองครั้ง ยุ่งยากขึ้นมาหน่อย หากอยากได้ Android Box ดีๆไปเลย ก็ต้องลดงบทีวีลง ต้องชั่งใจดูว่าอยากได้แบบไหน Android Box ถูกมาก ลดราคาบางทีก็ไม่ดี ต้องระวังไปเจอ Android รุ่นเก่า แรมน้อย ช้า ค้าง ไม่เข้ากับ แอพใหม่ๆเล่นไม่ได้ เสียอารมณ์ไปอีก
• บางยี่ห้อที่ราคาถูก ต้องระวัง อาจโดนลอยแพ ไม่มีการอัพเดต ที่ส่งผลกระทบมากสุดก็คือ ตัว Android รุ่นเก่า ทำให้อาจมีปัญหาในการใช้งาน เช่น เครื่องค้าง, ไม่รองรับ แอพใหม่ๆ, ฯลฯ หนักหน่อยก็เจอ เครื่องร้อนมาก เพราะทำระบบระบายความร้อนมาไม่ดี ตรงนี้แก้ไขได้ด้วยการศึกษาก่อนซื้อ อ่านรีวิวเยอะๆ อย่าเห็นแก่ของถูกอย่างเดียวนะจ๊ะ
• น้อยรุ่นนักที่จะมี ตัวถอดสัญญาณดิจิตอลทีวีมาให้ด้วย (DVB-T2) เพราะเป็นการเพิ่มต้นทุนสินค้าไปอีก และในปัจจุบัน ก็มี IP TV มาให้เลือกใช้หลายเจ้าทั้งแบบฟรี และแบบเสียเงิน ทำให้ปัญหาดังกล่าวหมดไป แต่ก็จะยุ่งยากหน่อยตอนใช้งาน ไม่เหมาะกับ สว. แน่นวล

บทสรุป

จากจุดเด่น/ด้อย ของแต่ละอัน คงจะทำให้เห็นภาพมากขึ้นมาบ้าง และเลือกซื้อได้ง่ายมากขึ้นจากความต้องการใช้งาน นายเรย์ขอสรุปว่า

Smart TV / Android TV เหมาะกับท่านที่ใช้งานทั่วๆไป ดูทีวี, ดูหนัง, Youtube, เข้าเว็บบ้าง ไม่ซับซ้อน และในส่วนของ Android Box ก็เหมาะกับท่านที่ชอบความหลากหลายในการใช้งาน ที่นอกเหนือไปจาก ดูทีวี, ดูหนัง, Youtube, เข้าเว็บ เช่น ติดตั้งแอพ apk เพื่อดูฟรีทีวีของทั่วโลก, ดูคลิป 4K ยาวๆแบบไม่มีสะดุด, เล่นเกมส์ต่างๆ, ทำ Media Server, เปิดดูภาพจากกล้อง IP ฯลฯ ไม่ว่าจะเลือกใช้งานแบบไหนก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ท่านควรจะหาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าตัวนั้นๆก่อนตัดสินใจซื้อ ยิ่งยุคนี้เป็นยุคแห่งข้อมูลข่าวสารด้วยแล้ว การจะหารีวิว หรือปัญหาของสินค้า ก็ทำได้ง่ายมาก เพียงแค่เข้า กูเกิ้ล ใส่รุ่นที่ท่านสนใจลงไป เว้นวรรคพิมพ์ รีวิว หรือ ปัญหา เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้ท่านตัดสินใจ เลือกซื้อได้ในระดับหนึ่ง

จากที่นายเรย์ได้ทดลองใช้งาน Smart TV ของยี่ห้อ LG นอกเหนือจากปัญหาแรมเต็ม อย่างอื่นก็ถือว่าใช้งานได้ดี เปิดเครื่องไว ภาพสีสวยงามมาก ลงแอพ Plex Player /Emby เพื่อดูหนังจาก Media Server ก็ใช้งานได้ดี ทั้งหนังแบบ 720p และ 1080p เจอแรมเต็มบ้างในบางครั้ง แต่ยังไม่ได้ลองหนัง 4K (งบหมด -*-) แล้วก็เห่ออยู่ได้ 7 วันก็ไม่ค่อยได้ดูละ 555+

อัพเดต หลังใช้งานไปได้ปีกว่า LG เริ่มรวนแล้วจร้า หมดประกันปุ๊บรวนทันที จอล้มเป็นบางครั้ง ต้องปิดเปิดใหม่ถึงหาย แย่ๆๆ T__T 

อัพเดต ล่าสุด หลังใช้งานไปได้ 2 ปี กับอีก 5 เดือน สมาร์ททีวี LG 49 นิ้ว 49UJ630T  ค่าตัว หมื่นห้า พังแล้วจร้าาาาา ทั้งๆที่ดูแลอย่างดี ต่อ UPS กรองกระแสไฟ แถมใช้งานจริงแค่ ราวๆ 5 - 6 ชั่วโมงต่อวัน ก็ยังพัง ไม่คุ้มเล้ย เสียความรู้สึก จ่ายเงินหลักหมื่นใช้งานจริงเต็มที่แค่ 3000 ชั่วโมง (คิดเผื่อเต็มที่จริงๆไม่น่าถึง) ทีวีสมัยก่อนยังทนกว่าอีก เครื่องเดิม ซัมซุง LCD 25 นิ้ว 10 กว่าปีแล้ว ยังใช้งานได้ปกติ (ใช้งานเหมือนกัน) แถมค่าซ่อมก็แพงแบบต้องนั่งคิดว่าจะซื้อเครื่องใหม่ไปเลยดีไหม

• [message]
• ทิ้งท้าย จากประสบการ์ณ
• ขอฝากท่านใดกำลังเลือกซื้อทีวี ไม่ว่าแบบไหน ก็ควรพิจารณาระยะเวลาประกันอันดับแรกเลย เอา 2 ปี ขึ้นไป 3 ปี ก็มีให้เลือกหลายยี่ห้อ เพราะยี่ห้อดังระดับโลกไม่ได้หมายความว่าจะทนเสมอไปจ๊ะ นายเรย์เจอมากับตัวแล้ว ประกัน 1 ปี หมดประกัน พังทันที T_T